หลายๆคนโอดครวญว่าชีวิตยากลำบากอย่างนี้อย่างนั้น
เข้าเฟซบุ๊คเจอคนบ่นดินฟ้าอากาศลมฝน คนต่างๆนาๆ
เวอร์ชัน Sparkpage
ทุกคนมีช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกันทั้งนั้นค่ะ
ถ้าเรามัวแต่โฟกัสที่ความยากลำบาก
เราก็จะผ่านมันไปไม่ได้
แทนที่จะโฟกัสความลำบาก
โฟกัสที่ปัจจุบันนี้เราทำอะไรได้บ้างดีกว่า
ทุกความยากลำบากไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปค่ะ
สำหรับพี่เวลาที่หนักหนาที่สุดคือเวลาที่ป่วย
ตอนปี 2008 ที่ต้องกลับไทยมาเพราะป่วย ต้องเข้าร.พ.
ค่ายาแพงมาก
ทำให้พี่ต้องทำมาหาเงินมาอย่างหนัก
แล้วก็ล้มป่วยอีกเป็นวัฎจักร
ตอนหลังพี่จึงไม่แคร์
มีเงินให้ใช้ มีข้าวให้กิน มีบ้านให้อยู่
เท่านี้ก็พอแล้ว
ดีกว่าป่วยเยอะ
บางคนบอกว่าพี่วาดไม่เหมือนเดิมบ้าง เปลี่ยนไปบ้าง
มือตกบ้าง มันเป็นเพราะความชอบพี่เปลี่ยนไปแล้วค่ะ
และไม่ใช่ข้ออ้าง พี่สำรวจตัวเองมาหลายครั้ง
พี่ไม่ได้รักการวาดรูปเท่าเก่า
ที่พี่ไม่ได้รักการวาดรูปเท่าเก่า
เพราะชีวิตพี่ไม่ได้น่าสนใจมาก
มันเลยไม่มีอะไร output ออกมาเป็นภาพ
แต่ที่สอนได้
เพราะพี่มี passion ในการสอน
ตัวพี่เองคิดดูดีๆก็มาไกลเกินกว่าจะเป็นเหมือนเก่าแล้ว
และงานวาดก็ไม่ใช่สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
แต่กลับเป็นงานเขียนบล็อค งานสอน
อ่านหนังสือ ใช้ชีวิตธรรมดา เขียนกลอนบ้าง ร้องเพลง
คุยกับเพื่อนบ้าง
เมื่อก่อนคิดว่าเรามีปมด้อยที่เป็นคนไม่พิเศษ
เลยอยากดัง อยากเป็นคนพิเศษ
แต่ตอนนี้อยากเป็นคนธรรมดาๆ
ถามว่าทำไมถึงอยากเป็นคนธรรมดา
เราเบื่อที่ต้องแข่งขัน ต้องอัพฝีมือ
ต้องทำให้งานเป็นที่นิยมแล้ว
เราอยากเป็นคนธรรมดา ที่ทำงานศิลปะอย่างใจอยาก
พูดแบบนี้หลายคนอาจบอกว่าหมดไฟเหรอ
ไฟมี ไม่งั้นจะมานั่งอัพบลอคยิกๆเหรอ
ตื่นนอนออกมาสอนนักเรียน
ดูหนังบ้าง อ่านหนังสือ ไปเที่ยวกับครอบครัว
กับเพื่อน กับน้อง
แล้วเราคิดว่าเรายังต้องการอะไร?
ในเมื่อสิ่งที่เราอยากได้
ไม่ว่าจะเป็นอิสรภาพ ความสุข
ก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว ที่ผ่านมาเรามองข้ามไป
เพื่อนถามว่าเธออยากทำงานบริษัทใหญ่ๆไปอีกทำไม ในเมื่อเธอมีทุกอย่าง
เราตอบว่า ถ้าได้งานบ.ใหญ่ก็จะเป็นการยืนยันในสถานภาพเรา
แต่ที่ตอบได้คือชื่อหนังสือที่ตัวเองเขียนไว้ปี 2011
พี่…..
“ลาเจ้านายไปตามฝัน”
เมื่อก่อนเคยคิดว่าจะวาดรูปไปตลอดชีวิต
แต่เรื่องแบบนี้มันอาจจะกลับมาอีกก็ได้
หมายถึง passion ในการวาดรูปน่ะ
แล้ว passion ใหม่คืออะไร ?
พี่คิดว่าเป็นการเผยแพร่ความรู้ในสิ่อต่างๆที่พี่มี
ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ
YUMEDEARUYOUNI พี่ร้องเองค่ะ