ศิลปะที่ดีคือเพลงทางสายตา
ภาพวาดหรือเพนท์หรือภาพถ่ายที่สวยงาม เปรียบได้กับเพลงที่เพราะ เพราะว่ามันได้มีจังหวะ,ทำนองและความกลมกลืนและเมื่อรวมกันๆ สร้างให้เกิด ความรู้สึกของรูปแบบและความหลากหลาย องค์ประกอบเหล่านี้ใช้ในเพลงเพื่อที่จะสร้างแรงดึงและความละเอียด และงานที่ยิ่งใหญ่ของศิลปะก็เหมือนกัน Dynamic symmetry จะทำให้นักวาดหรือศิลปินสามารถสร้างงานที่พิจารณาได้ว่าเป็น”เพลงทางสายตา” ภาพวาดด้านล่าง”Bacchus, Ceres and Cupid” byHans von Aachen สร้างขึ้นจากรูทสองของสี่เหลี่ยมผืนผ้า Dynamic symmetry
Dynamic Symmetry (The Golden Section System of Design)
ศิลปินสมัยใหม่หลายๆคนไม่คุ้นเคยกับ Dynamic symmetry (สัดส่วนทองของระบบการออกแบบ) เพราะเข้าใจว่ามันใช้ยากและต้องการความเข้าใจคณิตศาสตร์ขั้นสุดที่จะเรียนรู้ โชคร้ายที่มันไม่จริง ถ้าศิลปินต้องการที่จะใช้เวลาในการศึกษาพื้นฐานการออกแบบบางอย่าง มันจะทำให้งานของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และก็เพราะว่า Dynamic symmetry เป็นเรขาคณิตเชิงกายภาพ มันไม่ต้องการการคำนวณที่ซับซ้อนหรือความรู้ในคณิตศาสตร์ Dynamic symmetry นั้นใช้กับนักวาด,ช่างภาพ,ประติมากร,นักออกแบบภายในและสำนักพิมพ์
ในการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบโดยสัดส่วนทอง เราแนะนำหนังสือของ Michel Jacobs คือ The Art of Composition: A Simple Application of Dynamic Symmetry ในการที่จะดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ เช็คลิงค์ที่แนบมา สำหรับวีดีโอสอนนั้น บทที่ 10 จากDVD วาดรูปของ Myron Barnstone ภาพด้านล่างโดย enri Cartier-Bresson
ในกระแสหลักของการถ่ายภาพและศิลปะ กฏสามส่วนนั้นใช้กันมากในเชิงการออกแบบ ถึงแม้ว่ากฏสามส่วนจะเป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นพื้นฐานบางอย่าง เมื่อคุณเป็นนักวาดที่มีประสบการณ์มากแล้ว คุณอาจจะต้องการให้ภาพคุณมีการใส่ระบบที่ dynamic ในการออกแบบในรูปของคุณ
จุดประสงค์ของเราในไกด์นี้ไม่ใช่การมีอิทธิพลต่อศิลปินในการที่จะแทนที่ระบบในการออกแบบใดๆกับอีกกฏหนึ่ง แต่เป็นการแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างกฏสามส่วนกับ Dynamic symmetry ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบที่นักวาดไม่สามารถค้นได้ตามอินเตอร์เนท สิ่งที่อยู่ในบทความนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อทั้งผู้เริ่มต้น และนักวาดที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จแล้วทุกๆคน
ข้อมูลที่เราพูดในบทความนี้ไม่ได้สอนในระบบมหาวิทยาลัย หรือถูกถกเถียงกันมากนักในหนังสือศิลปะและภาพถ่าย ไกด์นี้ถูกพัฒนาในหลายๆปีและเป็นงานที่ถาวรในกระบวนการ เราอยากให้คุณ bookmark โพสต์เอาไว้(โพสต์ต้นฉบับที่อยู่ด้านล่างค่ะ)เนื่องจากโพสต์ต้นฉบับอัพเดทบ่อย บางทีก็ทุกวัน ในตอนจบของบทความนี้ คุณจะพบ resource ที่สำคัญใน dynamic symmetry ศิลปะ และการจัดองค์ประกอบ สำหรับคำถาม,หรือคำแนะนำเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เชิญมาคุยกันได้ใน faeebook page illustcourse ค่ะ
ทำไม Dynamic symmetry ถึงไม่สอนอีกแล้ว?
เพราะว่าทิศทางของศิลปะสมัยใหม่ ในศตวรรษที่ 20 รูปแบบคลาสสิคของการเรียนรู้ในศิลปะส่วนใหญ่ รวมทั้งการออกแบบด้วย ไม่ได้ถูกสอนในโรงเรียนศิลปะ อย่างไรก็ตาม นี่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะว่าองค์กรอย่าง
Art Renewal Center และ the
Da Vinci Initiative . ทั้งสององค์กรอุทิศให้กับการนำทักษะของศิลปะคลาสสิคและการฝึกฝนนักเรียนโดยใช้เทคนิคที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลของบรมครูสมัยก่อน
ภาพวาดด้านล่าง “Venus, Cupid, Bacchus, and Ceres” by
Peter Paul Rubens , ออกแบบมาเป็นรูทของสี่เหลี่ยมผืนผ้า Dynamic symmetry เป็นศิลปะชั้นยอด การออกแบบถูกแบ่งเป็นหลายส่วนโดยการใช้เวอร์ชันเล็กๆของสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ศิลปินเลือกที่จะออกแบบมัน
เรขาคณิตลับของศิลปิน
ในสมัยก่อน การออกแบบโดยศิลปินชั้นครู ถูกปิดให้เป็นความลับต่อสาธารณชนและถูกส่งต่อกันมาผ่านลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพราะว่า
Myron Barnstone ,
Juliette Aristides , และศิลปินชั้นยอดหลายๆคนที่สอนเกี่ยวกับทักษะของศิลปะแบบคลาสสิค ช้อมูลนี้เลยหลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น ในบทที่สองของหนังสือเธอ
“Classical Painting Atelier,” Juliette พูดเกี่ยวกับ Dymamic symmetry และจะขึ้นโครงอย่างไรในทุกขนาดของสี่เหลี่ยมผืนผ้า หวังว่าในเวลาหนึ่ง ข้อมูลของเทคนิคการออกแบบเหล่านี้จะเข้าถึงคนส่วนใหญ่เพราะว่าอินเทอร์เนท เว็บไซต์นี้ และศิลปินท่านอื่นๆที่นำกฏนี้ไปประยุกต์ในงาน
“A Coign of Vantage 1895,” by Sir Lawrence Alma-Tadema ออกแบบโดยสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูทสอง เส้นสีเหลืองแสดงให้เห็นการแบ่งของเส้นตั้งและเส้นนอนในรูทสองของรูปแบบ 2 และ 3
The Raft of the Medusa” วิเคราะห์โดย Charles Bouleau จาก “The Painter’s Secret Geometry.”
การเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์งานของศิลปินชั้นบรมครูต้องการเวลา,ความอดทนและคววามพยายาม ในอดีต ผู้เขียนมีนักอ่านหลายคนติดต่อมาแล้วบอกว่าเขาไม่สามารถค้นพบอะไรก็ตามที่มันเป็นทางการในศิลปะ ดังนั้น มันอาจจะเกิดขึ้นจากแรงดลใจ โดยปกติแล้ว ผลลัพธ์นี้ผิดพลาด เป็นเพราะศิลปินชั้นบรมครูได้แบ่งส่วนเป็นหลายๆส่วน การจัดองค์ประกอบไม่ได้สังเกตได้ตลอดเวลาในแผนการออกแบบ คนเดิมสามารถพูดได้ว่าในการที่จะวางกฏสามส่วนลงงานของชั้นบรมครู แม้กระนั้นองค์ประกอบแต่ละอันอาจจะเป็นเส้นเดียวกันก็ได้ นี่ไม่ใช่การบ่งชี้ว่าศิลปินใช้วิธีการออกแบบแบบนั้น การวิเคราะห์เพิ่มเติมต้องการในกรณีนี้
การวิเตราะห์การจัดองค์ประกอบนั้นเหมือนกับการเรียนภาษาใหม่ มันใช้เวลา ความพยายาม และเซ็ทของเครื่องมือที่ถูกต้อง ถ้าบางคนส่งหนังสือภาษาเยอรมันมาให้ผู้เขียน ผู้เขียนก็จะไม่สามารถอ่านได้ในเวลาสองสามวัน การเรียนรู้ที่จะอ่านภาพ ก็ไม่ต่างกัน ผู้เขียนได้วิเคราะห์ภาพเขียน,ภาพวาดและภาพถ่ายมา 6 ปี และยังต้นพบข้อมูลใหม่ๆอยู่ทุกวัน อย่าเข้าใจผิด ผู้เขียนไม่ได้บอกว่าศิลปินต้องใช้เวลามากขนาดนั้นในการศึกษา อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนแนะนำว่าใช้เวลาทำความเข้าใจ อย่างน้อยก็พื้นฐานของภาพที่ดี เมื่อพื้นฐานของภาพดีแล้ว นักวาดสามารถตัดสินใจว่าจะศึกษาเรื่องนี้ต่อหรือไม่
ประวัติคร่าวๆของ Dymamic symmetry
บางคนแสดงความคิดเห็น ในฟอรัมการถ่ายภาพ Petapixel ว่า Dynamic symmetry เป็นอะไรที่อู้หูสำหรับยุคใหม่ ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะเจอความคิดเห็นบางอันที่ตลกในตอนแรก ความจริงคือ การคิดเช่นนั้นไม่ดีสำหรับศิลปินที่ต้องการยกระดับงานศิลปะของเขาให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ ข้อมูลที่ผู้เขียนได้ถกเถียงณ.ขณะนี้ไม่ได้ใหม่หรือ เป็น”ยุคใหม่”(newage) อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไว้ด้านบน มันเป็นเวลา 2,500 ปีมาแล้วที่กฏถูกคิดขึ้น หลักการออกแบบเหล่านี้ถูกใช้โดยศิลปินชั้นบรมครูอย่าง ดาวินชี,เดกาส,พิกาสโซและคาวาวัจโจ้และอีกมากมาย มันใช้กับศิลปินชั้นยอดสมัยใหม่อย่าง Juliette Aristides , Daniel F. Gerhartz , Nelson Shanks , Dot Bunn , Sidney McGinley และJeffrey Watts และใช้กับช่างภาพมือพระกาฬอย่าง Henri Cartier-Bresson , Alex Webb , Leonard Freed , Elliott Erwitt , Constantine Manos , และ Harry Gruyaert .
ตอนต่อไปเราจะพูดถึงกฏสามส่วนและข้อเสียของกฏสามส่วนกันค่ะ
อ้างอิง
http://www.leicacameramonkey.com/blog/rule-of-thirds-vs-dynamic-symmetry